คุม”วศิน”แก๊งฆ่าหั่นศพทำแผนชาวบ้านฮือสาปแช่ง-หวิดรุมประชาทัณฑ์ “แม่น้องแอ๋ม” สุดเจ็บถามกลับทำไมไม่ช่วยผู้หญิง ขณะที่ตร.ไทย-พม่าตามล่า”เปรี้ยว-เอิร์น” แต่ยังไม่พบตัว ส่วนพี่สาววอนให้กลับมารับโทษ  เลขาฯป.ป.ส.เผย”เปรี้ยว”โยงนักค้ายารายใหญ่ในท่าขี้เหล็ก คาดหนีเตลิดเข้าเขตมูเซอยากได้ตัว

คดีฆ่าหั่นศพ “น้องแอ๋ม” น.ส.วริสรา กลิ่นจุ้ย พนักงานสาวคาราโอเกะ ก่อนหั่นศพนำไปฝังดินที่บ้านโนนสง่า ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการติดตามคนร้าย และเบื้องหลังของเหตุฆาตกรรมโหดครั้งนี้

คุม”วศิน”ทำแผนฆ่าหั่นศพ

ความคืบหน้าเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.วันที่ 31 พ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น พร้อมชุดสืบสวน กก.3 บก.สส.ภ.4 ประมาณ 30 นาย ได้นำตัวนายวศิน นามพรหม อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย ปล้นทรัพย์ และรับของโจร หลังร่วมกันก่อเหตุสังหาร น.ส.วริสรา ไปทำแผนประทุษกรรมประกอบคำรับสารภาพ เริ่มจากให้ผู้ต้องหาขับรถฮอนด้าซีอาร์วี คันที่เช่ามาใช้ก่อเหตุ และบรรทุกศพ น.ส.วริสรา โดยลักษณะการก่อเหตุเป็นการขับรถถอยหลัง จากทางแยกในหมู่บ้านเข้าไปยังจุดขุดหลุมฝัง จากนั้นนายวศิน ได้ลงจากรถอุ้มถังบรรจุศพผู้ตายนำไปฝังในหลุม แล้วใช้เสียมขุดดินกลบ ก่อนขับรถออกไป

ชาวบ้านรุมแช่ง-หวิดประชาทัณฑ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีชาวบ้านกว่า 300 คน มามุงดูการทำแผนครั้งนี้ พร้อมทั้งตะโกนด่าทอคนร้ายถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตที่ทำกับผู้หญิง พร้อมกับสาปแช่งให้โดนลงโทษตายตกไปตามกัน หลายคนฮือเข้ามาจะรุมประชาทัณฑ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบกันผู้ต้องหานำตัวขึ้นรถออกไป โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 30 นาที

แม่สุดเจ็บถาม”ทำไมไม่ช่วย”

ขณะที่ นางสายรุ้ง กลิ่นจุ้ย พร้อมด้วยนายสุชาติ คำเพลิงชัย พ่อและแม่ของ น.ส.วริสรา ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุที่ทำแผน เพื่อดูหน้านายวศิน จากนั้นได้เดินทางต่อไปพบตำรวจ และได้พบกับนายวศิน โดยนายวศิน ได้กราบขอขมาแม่และยายของ น.ส.วริสรา พร้อมบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่าจะเลยเถิดเลวร้ายขนาดนี้ว่าจะเอาไปทิ้งไกลๆ และขอยอมรับผิด ยอมรับในสิ่งที่ได้ทำลงไป

จากนั้น เมื่อก้มลงกราบเสร็จ แม่น้องแอ๋มได้กล่าวว่า “หัวอกคนเป็นแม่แค่ลูกเจ็บนิดเดียว แม่ก็เจ็บแทนลูก และแม่ก็อยากจะรู้ว่ามีเหตุผลอะไรทำไมต้องที่ร้ายแรงขนาดนี้ ตัวเองเป็นผู้ชาย ถ้าคิดจะช่วยน้องแอ๋มจริงๆ ทำไมไม่ช่วย ปล่อยให้ผู้หญิงเหล่านั้นทำร้ายน้องแอ๋มต่อหน้าได้อย่างไร” ซึ่งนายวศิน ตอบกลับไปว่า “ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้จักน้องแอ๋มมาก่อน วันเกิดเหตุเพิ่งเคยเจอน้องแอ๋มครั้งแรก ที่คุยตอนแรกบอกว่าจะเอาไปปล่อยไว้ไกลๆ”

“น้องแอ๋ม”เข้าฝันขอให้เลิกจองเวร

ด้านแม่น้องแอ๋ม ถามกลับไปว่า “ไม่คิดว่าจะห้ามผู้หญิงเหล่านั้นไม่ให้ฆ่าน้องแอ๋มบ้างเหรอ” ซึ่งนายวศิน กล่าวว่า “ห้ามแล้วแต่เค้าไม่ฟัง” จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายวศินออกไป ซึ่งทางแม่น้องแอ๋มตะโกนบอกกับนายวศินช่วยสุดท้ายว่า “ขึ้นอยู่กับเวรกรรมนะ”

นอกจากนี้ นางสายรุ้ง ยังกล่าวว่า “น้องแอ๋ม” มาเข้าฝันบอกว่า “แม่อโหสิกรรมให้เค้าเถอะ” แต่ตนตอบกลับไปว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขอหมายจับอีก1แก๊ง”เปรี้ยว-เอิร์น”

ทางด้านการติดตามตัว น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น อายุ 25 ปี และ น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 24 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งหายไปจากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมา หลังจากเจ้าหน้าที่ไทยสืบทราบว่าไปกบดานอยู่ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่งในฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงกันข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย

จากการตรวจสอบของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย พบว่า ในวันที่ 25 พ.ค.นั้น อาจจะมีผู้ร่วมเดินทางออกไปพร้อมกับ น.ส.เอิร์น และ น.ส.เปรี้ยว อีก 1 ราย โดยเป็นผู้หญิงชื่อ น.ส.อภิวันทน์ สัตย์บัณฑิตย์ หรือแจ้ อายุ 28 ปี โดยเดินทางออกชายแดนไทยตรงด่านพรมแดน อ.แม่สาย ด้วยบัตรผ่านแดนชั่วคราวหรือบอเดอร์พาสเช่นเดียวกัน ซึ่งตำรวจภูธรภาค 4 ได้มีการขอหมายจับเพิ่มเติมแล้ว อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดเห็นตัวทั้ง 3 คนอย่างชัดเจนว่าอยู่ร่วมกันหรือไม่ เพราะช่วงที่ออกจากชายแดนได้นั่งอยู่บนรถยนต์ที่ปิดกระจกไว้อย่างมิดชิด และมีผู้นำเอกสารออกมายื่นให้เจ้าหน้าที่ที่ด่านพรมแดนแม่สายแทน

จับได้ทันทีเหตุบัตรผ่านแดนหมดอายุ

ด้าน พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ ผกก.ตม.เชียงราย กล่าวว่า เนื่องจากผู้ต้องหาได้เดินทางออกไปในวันที่ 25 พ.ค.2560 และมีอายุอยู่ในประเทศเมียนมาได้ 7 วัน โดยบัตรผ่านแดนหมดอายุในวันที่ 31 พ.ค.2560 ดังนั้นหากพ้นเวลาก็ถือว่าเป็นผู้ที่ไม่กลับประเทศไทย โดยไม่มีเอกสารรองรับ ล่าสุดได้รับแจ้งจากทาง ตม.เมียนมา ว่าหากพ้นเวลาจะสามารถจับกุมได้ โดยไม่ต้องอาศัยการประสานให้จับกุมตามข้อหาที่มีในประเทศไทยได้โดยทันทีต่อไป

ตำรวจพม่าไล่เช็คร้ายโอเกะในพม่า

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร และตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยังคงระดมกำลังออกค้นหาตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน โดย พ.ต.ท.เท่น วิน ผกก.สถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก พร้อมกำลัง 15 นาย ได้เข้าตรวจสอบภายในร้านโอโซน สปา แอนด์ คาราโอเกะ ซึ่งเป็นจุดที่ถูกระบุว่าทั้ง 3 คน อาจหนีมากบดานเพื่อทำงานที่นี่ แต่ไม่พบตัวทั้งหมด จึงเชิญตัวผู้จัดการร้าน พร้อมกับพนักงานสาวของร้านประมาณ 8 คน ไปสอบสวน เพื่อหาเบาะแสของทั้ง 3 คน

เบื้องต้นพนักงานทั้งหมดให้การตรงกันว่าพบเห็นทั้ง 3 คน เข้ามาพักที่ห้องพักภายในร้านตั้งแต่ช่วงกลางคืนของวันที่ 25 พ.ค. และอยู่จนถึงช่วงเช้าวันที่ 28 พ.ค. จากนั้นช่วงบ่ายทั้งหมดก็ได้หายตัวไปโดยไม่ทราบว่าไปอยู่พื้นที่ใด ซึ่งเจ้าหน้าที่เมียนมาอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางหลบหนี และพื้นที่กบดานแหล่งใหม่ คาดว่าจะทราบผลภายใน 1-2 วันนี้

แฉ”เปรี้ยว”คนดัง-นักเที่ยวรู้จักดี

รายงานข่าวแจ้งว่า ร้านคาราโอเกะดังกล่าวเดิมชื่อว่าสตาร์แทรค คาราโอเกะ แต่ประสบปัญหาขาดทุน จึงมีการปล่อยให้เช่าช่วง ซึ่งมีคนไทยเข้าไปเช่าทำมาตั้งแต่เดือน ม.ค.2560 ในราคาเดือนละประมาณ 180,000 บาท และมีการนำสาวงามจากทั่วประเทศไทยเข้าไปเป็นพนักงาน จนกระทั่งมีการนำหญิงสาวทั้ง 3 คนนี้เข้าไปที่ร้านดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่าก่อนหน้านี้หญิงสาวทั้งหมดเคยเข้าไปทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก แล้วหลายครั้ง จนเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักเที่ยวและคนมีเงินในพื้นที่เป็นอย่างดี

คาดได้ตัวยากหนีเตลิดเข้าเขต”มูเซอ”

ล่าสุด มีข้อมูลจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคง แจ้งว่า ขณะนี้ทั้ง 3 คน คาดว่าหลบหนีไปอยู่ในเขตคุ้มครองของกลุ่มมูเซอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยังคงประสานงานกับทางการฝ่ายเมียนมาให้ช่วยดำเนินการติดตามจับตัวส่งกลับไปดำเนินคดีในไทย แต่ในทางปฏิบัติจริงค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะมูเซอ เป็นกองกำลังอิสระ มีเขตพื้นที่อิทธิพลของตัวเองชัดเจน ทางการพม่าเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่ง หากไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง

พี่สาวบอก”มึงกลับมารับโทษเถอะ”!

ด้าน น.ส.ประภาศิริ สมศรี พี่สาวของ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางช่อง 3 มีเนื้อหาโดยสรุป ว่า ขอความเป็นธรรมจากการนำเสนอข่าว ภายหลังมีนำเสนอภาพข่าว น.ส.ปรียานุช โชว์เงิน และใช้ชีวิตหรูหรา ซึ่ง น.ส.ประภาศิริ ระบุว่าไม่มีมูลความจริง ถ้าสื่อยังไม่หยุดนำเสนอข่าวมั่วๆอาจจะพิจารณาฟ้องร้อง

“ถ้าน้องฟังอยู่ อยากจะบอกว่า มึงกลับมารับโทษเถอะ มึงกลับมารับโทษเถอะ มึงไปทำอะไรเขายังไงคือจะไม่พูดแล้ว อยากให้มอบตัวแล้วเขาสู่กระบวนการยุติธรรม” น.ส.ประภาศิริ กล่าว

อย่ากลัว”โทษประหารไม่มีหรอก”

“ให้ฟังจากพี่ตรงนี้เลยนะ เปรี้ยวนะ คำว่าโทษประหารน่ะ มันไม่มีหรอกเปรี้ยว ใครจะแชร์โซเชียลอะไรก็ช่าง เขาไม่สามารถเอามามีผลในการปิดสำนวนของเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีอยู่ ฟังพี่ตรงนี้แล้วเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เข้ามาที่ สภ.เขาสวนกวาง เข้ามาหาท่าน ท่านทำงานอย่างโปร่งใส ทุกหน่วยงานเขาร่วมกันทำงานด้วยความโปร่งใส ไม่มีใครทำอะไรน้องได้ ไม่มีใครทำอะไรเหนือกฎหมายได้ เชื่อพี่แล้วกลับเข้ามา วันนี้อาจจะอยู่ได้ ปีสองปีอาจจะอยู่ได้แต่ต่อไปล่ะ มันอยู่ไม่ได้ตลอดชีวิตนะ” น.ส.ประภาศิริ กล่าว

หึ่ง!แก๊งยานรกสั่งตาย”น้องแอ๋ม”

ขณะที่แหล่งข่าวจากชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสาเหตุของการสังหารโหด น.ส.วริสรา ในครั้งนี้ โดยพบว่า มูลเหตุของการฆาตกรรมอาจจะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดเป็นผู้สั่งฆ่าตัดตอน หลังจากที่ น.ส.วริสรา นำข้อมูลของเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ และขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ไปแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาหลายรายในปี 2559 ในจำนวนนั้นมีแฟนหนุ่มของ น.ส.ปรียานุช รวมอยู่ด้วย กลุ่มนายทุนและเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดจึงไม่พอใจ และมีคำสั่งตรงมาถึง พร้อมทั้งวางแผนทุกขั้นตอนให้ น.ส.ปรียานุช จนนำไปสู่การก่อเหตุฆ่าหั่นศพดังกล่าว

คาดคุ้มครอง-ช่วย”เปรี้ยว”หนี

“ทีมสังหารทั้ง 5 คน รู้จักกับ เปรี้ยว เป็นอย่างดี เป็นเพื่อนสนิทที่ เปรี้ยว ไว้ใจ ในการร่วมลงมือก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ จึงไม่มีใครกล้าห้ามปราม ซึ่งการหลบหนีออกนอกประเทศของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปยังประเทศเมียนมานั้น คาดว่าจะมีกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดให้การช่วยเหลือ คุ้มครอง” แหล่งข่าว กล่าว

ผู้การฯขอนแก่นยันแค่แค้นส่วนตัว

ด้าน พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต ฮามคำไพ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวยืนยันว่า กรณีโซเชียลมีเดียเปิดประเด็นว่าคดีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการฆ่า เพราะหักกันเรื่องยาเสพติดนั้น จากการชันสูตรพลิกศพ พบว่า น.ส.วริสรา ถูกฆ่าโดยการบีบคอตายในรถ ก่อนนำศพไปเชือดที่รีสอร์ต เพราะความขัดแย้งกันเรื่องส่วนตัว ระหว่าง น.ส.วริสรา กับ น.ส.ปรียานุช และพวก เนื่องจากเมื่อปี 2559 น.ส.วริสรา เคยไปแจ้งความจับแฟนของ น.ส.ปรียานุช ในคดียาเสพติด เป็นเหตุให้ น.ส.ปรียานุช โกรธแค้นพาพวกไปฆ่าเลียนแบบหนังต่างประเทศ ที่นิยมความรุนแรง ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติแต่อย่างใด

แค่รายย่อยไม่ใช่ผู้ค้ารายใหญ่

“ขอชี้แจงว่าคดีฆ่าน้องแอ๋มไม่ได้เกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เพราะการสืบสวนตั้งแต่ต้นทราบว่าเป็นเรื่องความแค้นส่วนตัวระหว่างผู้ตายกับผู้ถูกออกหมายจับ ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปประเทศเมียนมา แต่ไม่ได้อยู่ในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดย น.ส.ปรียานุช พัวพันยาเสพติดอยู่ในพื้นที่เท่านั้น ไม่ใช่ผู้ค้าหรือผู้ส่งรายใหญ่” พล.ต.ต.พรหมณัฏฐเขต กล่าว

ป.ป.ส.แฉ”เปรี้ยว”โยงนักค้ายาพม่า

อย่างไรก็ตาม นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวว่า ในส่วนของ ป.ป.ส.นั้น จากการตรวจสอบประวัติของ  น.ส.ปรียานุช กับพวก พบว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งเป็นผู้เสพและผู้ค้า ซึ่งในส่วนของ น.ส.ปรียานุช จากการตรวจสอบทราบว่าเป็นผู้ค้ารายย่อย และมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยมีการนำยาเสพติดเข้ามาขายในพื้นที่ให้กับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานกลางคืนด้วยกัน ซึ่งตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วน น.ส.วริสรา ป.ป.ส.พบว่ามีประวัติการใช้ยาเสพติด และเป็นเพื่อนที่เคยทำงานกับกลุ่มผู้ต้องหา